2552-04-30

เส้นทางลูกผู้ชาย

ความใฝ่ฝันของเด็กผู้ชายแต่ละคนผมเชื่อว่าคงจะแตกต่างกัน ในความแตกต่างนั้น คงจะมีอยู่จำนวนไม่น้อยที่ใฝ่ฝันจะคว้าดาวมาประดับบ่า เป็นนักเรียนนายร้อยโก้หรูดูเท่ห์ในสายตาสาวๆ ผมเองก็เลือกทางสายนั้น อาจเพราะชอบความท้าทาย ชอบที่จะทำงานเสี่ยง ๆ ได้ทำอะไรที่ทำได้ยาก อิสรเสรีดั่งนก อ้าวก็เป็นนักบินมันเท่ห์อยู่เสียเมื่อไหร่ล่ะ เอาเถอะ อย่างน้อยมันก็ดีที่สุดเท่าที่เด็กบ้านนอกอย่างผมจะคิดได้ล่ะนะ


ทันทีที่จบมัธยมศึกษาปีที่สี่ ผมก็ขอพ่อกับแม่มาสอบเข้าเตรียมทหารในส่วนกองทัพอากาศ ดูท่านทั้งคู่ไม่ค่อยจะสนับสนุนเท่าไหร่นัก... ท่านไม่อยากให้เป็นทหารผมรู้ ก็ผมมันประเภทหัวแข็ง ดื้อตาใส ท่านกลัวจบแล้วจะเข้าไปอยู่แนวหน้า ชิงจากท่านไปเสียก่อน ซึ่งไอ้นิสัยอย่างนี้ผมก็รับมาจากท่านนั่นแหละ อย่างไรก็ตามท่านก็ให้ผมเดินทาง เข้ากรุงเทพไปสอบ

พระเจ้า จริง ๆ ผมอยากตะโกนว่า พระพุทธเจ้านะ (แต่คิดดูแล้วมันทะแม่ง ๆ ไปหน่อย) ผมดีใจจนเนื้อเต้น ที่พ่อแม่อนุญาต เอ หรือเพราะจะได้เข้ากรุงเทพก็ไม่รู้แต่สอบไม่ติดครับ ไม่ผ่านแม้แต่รอบแรกนั่งรถไฟกลับบ้านคอตกไปเลย


ที่บ้านพ่อกับแม่ยิ้มแฉ่งคอยรับอยู่


ไม่เป็นไรลูก ลูกทำดีที่สุดแล้ว

คำพูดกับสีหน้าไม่ได้ไปด้วยกันเลย ผมได้แต่ยิ้มตอบแม่ ในใจก็นึกว่าเก็บ ๆ อาการหน่อยได้มั๊ย แต่ก็ได้แค่นึกละครับ


ผ่านไปหนึ่งปี ความหวังยังไม่จางหายไปจากหัวใจ ผมกลับเข้าสู่สนามสอบอีกครั้ง คราวนี้ไปอย่างนักรบข้างถนน ผมลืมบอกทุกท่านไปว่าพ่อแม่ผมเป็นครูบาอาจารย์ด้วยกันทั้งคู่ และผ่านชีวิตลำบากยากจนมาตั้งแต่วัยเด็ก โดยเฉพาะพ่อ เพราะฉะนั้นท่านจึงมักมีบททดสอบอันเข้มข้นมาทดสอบกับลูก ๆ ของท่านเสมอ แม้ว่าฐานะทางบ้านเราก็พอมีอันจะกิน แต่การขึ้นมาสอบคราวนี้พ่อพาผมไปฝากไว้กับวัดแถวๆ บางลำพู ท่านยังคำนวณค่ากินอยู่ ค่ารถกลับและเผื่อเหลือเผื่อขาดให้อีกนิดหน่อยให้ผมเก็บไว้ แล้วท่านก็กลับไปบ้าน



ชีวิตเด็กวัดผมก็คุ้นชินมาบ้างสมัยเด็ก ๆ ตอนอยู่บ้านนอก แต่เด็กวัดในกรุงเทพนี่ต่างออกไป มีการแบ่งสายกันอย่างชัดเจนใครสายไหน เด็กใคร ผมเด็กใหม่ไม่มีสิทธิ์เลือกสาย พ่อเอาไปฝากพระกุฏิไหนก็ต้องสังกัดเด็กวัดกุฏินั้น โชคไม่ดีนักที่ผมถึงหน้าไม่ดีแต่ก็ไม่ได้เกิดมาขี้ริ้วขี้เหร่จนเกินไป ประจวบกับรูปร่างนักกีฬาที่ดูแลเอาใจใส่มาเป็นอย่างดี ร้ายไปกว่านั้น หัวหน้าสายผมเป็นชายประเภทพิเศษ หลังจากออกเดินบิณฑ์ตามหลวงพี่ได้แค่สองวัน หัวหน้าสายก็เรียกผมเข้าไปพบเป็นการส่วนตัว


เด็กบ้านนอกอย่างผมจะมารังแกกันนั้นไม่ได้หรอกครับ ผมไม่ยอม กระทั่งผู้หญิงยังไม่เคยให้แตะเนื้อต้องตัว ประสาอะไรกับผู้ชาย ก็ต่อยคว่ำเอาเท่านั้นเอง เมื่อไม่ได้ด้วยเล่ห์ หัวหน้าสายก็หาเรื่องกล่าวหาว่าผมเป็นขโมย ด้วยปากแบบนั้นผมก็รู้แล้วว่าผมอยู่วัดนี้ต่อไปอีกไม่ได้ ผมเก็บเสื้อผ้า ลาพระประธานในโบสถ์แล้วก็เดินจากมา จุดหมายคือคุรุสภาที่พักครู ผมเคยมาค้างกับพ่อครั้งนึงก็เลยรู้ทางหนีทีไล่ที่จะเอาตัวรอดได้ แม้ว่าที่พักรวม (คล้ายๆ โรงนอนทหาร คือจะมีเตียงเรียงต่อ ๆ กัน และมีตู้เล็ก ๆ ให้เก็บของ) ค้างคืนนึงก็แค่สามสิบบาท แต่ผมไม่มีบัตรสมาชิก และที่สำคัญคือผมไม่มีเงินพอที่จะพักได้ บรรดาครูทั้งหลายก็มีเยอะแยะหมุนเวียนเข้ามาพัก ยามจำได้ไม่หมดหรอกผมคิด


กลางคืนผมจะนั่งอ่านหนังสือที่ระเบียง จนถึงเช้าบรรดาครูทั้งหลายบ้างก็ต้องไปประชุม บ้างก็ทำธุระ คราวนี้เตียงก็จะว่าง ผมก็จะสวมรอยเข้าไปนอน แต่หูก็จะคอยฟังเสียงคนทำความสะอาด ซึ่งจะทำเป็นเวลา พอผมทำมาใกล้ถึงห้องที่ผมนอน ผมก็จะลุกไปอาบน้ำอาบท่า รอจนแน่ใจว่าคนทำความสะอาดไปแล้วก็จะกลับมานอนต่อจนบ่ายก็จะรีบลุก เผื่อเจ้าของที่กลับมา หรือมีคนใหม่เข้ามาแทน


ตกเย็นก็ไปกินข้าวขาหมูข้างกระทรวงศึกษา ฯ ที่อยู่ถัดไปแม้รสชาติจะไม่ดีนัก แต่ข้าวของเขาเยอะดี ต้องเอาปริมาณเข้าว่า เนื่องด้วยมีเงินกินข้าวแค่วันละมื้อ กลางคืนหิวก็มีน้ำเย็นใส่ถังที่เขาเรียกว่าน้ำบุ๋ง กดกินได้ตลอดซึ่งเป็นของส่วนกลาง (คุรุสภาล่มจมก็เพราะผมนี่แหละ นอกจากไม่จ่ายค่าที่พัก ยังกินน้ำฟรีไปอีกหลายสิบลิตร)


ด้วยสถานการณ์ที่บีบบังคับให้อ่านหนังสือขนาดนี้เอง ผมถึงผ่านวิชาการได้ไม่ยากเย็นนัก ส่วนเรื่องสอบพละศึกษาผมไม่เคยห่วง เพราะผมมันเด็กบ้านนอก แข็งแรงกว่าควายเสียอีก ฉลุยหมดทุกอย่างจนกระทั่งว่ายน้ำ บ้านผมอยู่ห่างทะเลสองกิโล ก็จริง แต่ผมไม่ชอบน้ำนี่ จริงอยู่ผมไม่เถียงผมเคยโดดไปช่วยคนจมน้ำมาแล้วครั้งนึงสมัยเรียน . ห้า แต่ตอนนั้นผมจำไม่ได้ว่าโดด หรือโดนถีบลงไปตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีก็พาเด็กสาวมาถึงฝั่งเรียบร้อย และก็ได้รับโล่สดุดีจากสำนักนายก ที่ส่งมาให้ตอนวันเด็กได้ยังไงก็ไม่รู้อีกนั่นแหละเลยคิดไปเองว่าเราว่ายน้ำเป็น กางเกงว่ายน้ำใหม่เอี่ยมซื้อใหม่แกะกล่องประเดิมครั้งแรกด้วยการสอบเข้าเป็นนักเรียนนายร้อย (ตอนนั้นเข้าใจว่าเป็นนักเรียนนายร้อย แต่ที่จริงทหารอากาศเขาจะเรียกนักเรียนนายเรืออากาศ ในขณะที่ทหารเรือก็จะเรียกว่านักเรียนนายเรือ) ท่ามกลางเสียงเชียร์จากผู้ปกครองที่เข้ามาลุ้นลูกหลานตัวเอง ขณะที่ลูกหลานตัวเองยังไม่ถึงคิวเชือดก็เชียร์คนอื่นไปพลาง ๆ


ผมก็ไม่อาภัพเสียงเชียร์ซึ่งจะดูกระหึ่ม และก็ได้รับการคาดเดาว่าน่าจะเข้าแป้นเป็นอันดับแรก ๆ นี่ผมก็มั่นใจเพราะรูปร่างผมก็ให้อยู่ ผมขึ้นไปยืนบนบอร์ดเลียนแบบคนข้าง ๆ ทำท่าทางให้ดูใกล้เคียงคนอื่น ๆ คิดในใจหมู ๆ สิ้นเสียงปรี๊ด ผมกระโดดถีบตัวอย่างแรง


ป๊าบ! เสียงดังสนั่นก่อนที่ผมจะจมลงไปใต้น้ำ บุ๋ง ๆ ผมสำลักค็อกแค๊ก ก่อนจะลอยขึ้นมาตาลีตาเหลือกหายใจ และก่อนที่จมไปอีกรอบ พระเจ้า ! ฟ้าประทานฟางสีฟ้ามาให้ใกล้มือ(ลู่ทางว่าย) ผมรีบคว้าเอาไว้ ก่อนจะสาวมันสุดชีวิต


ผมรู้ว่าสาวมันเร็วมาก แม้แต่ลิงศาลพระกาฬเมืองลพบุรียังอาจต้องอายผม เสียงหัวเราะบนฝั่งผมไม่ได้สนใจหรอกครับ ผมรู้แต่ว่าผมต้องไปให้ถึงอีกฟาก และต้องเร็วที่สุด ผมไม่ใช่คนสุดท้ายที่ถึงฝั่ง แต่การสาวลู่ก็ทำให้ผมนั่งรถไฟกลับบ้านคอตกอีกครั้ง


ที่บ้านพ่อกับแม่ยิ้มแฉ่งคอยรับอยู่ ไม่เป็นไรลูก ลูกทำดีที่สุดแล้ว


คำพูดกับสีหน้าไม่ได้ไปด้วยกันเลย ผมได้แต่ยิ้มตอบแม่ ในใจก็นึกว่าเหมือนปีที่แล้วเปี๊ยบเลย แม่เราน่าจะหามุขใหม่ได้แล้วนะ แล้วผมก็ไม่ได้ขึ้นมาดูผลสอบ ใครจะรู้ พ่อที่บอกว่าจะไปธุระต่างจังหวัดจะแอบไปดูผลสอบให้ผม วันที่ท่านกลับมา ท่านบอกแต่เพียงว่า เก็บเสื้อผ้าซิ เตรียมตัวไปสอบสัมภาษณ์รอบสุดท้าย


ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ผมผ่านได้รับการคัดเลือกจนได้ ตอนแรกผมก็คิดไปว่าสงสัยพ่อจะแอบยัดเงินแบบที่เขาเล่าลือกัน เวลาที่ใครสอบรอบสองรอบสามไม่ได้ แล้วบอกว่าเงินไม่ถึง แต่พอมองหน้าพ่อคิดถึงความตรงเป็นไม้บรรทัดเหล็กแล้ว ผมรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้


จนกระทั่งวันเข้าไปรายงานตัว เจอเพื่อนบางคนที่สายตาสั้น บางคนทดสอบวิ่งเวลาไม่ผ่าน ซึ่งก็เห็น ๆ กันอยู่ในวันสอบ ต่างก็มารายงานตัวอยู่หลายคน พลอากาศตรีศาสตราจารย์ด็อกเตอร์แก้ว หัวหน้ากองการศึกษาในสมัยนั้น เป็นผู้ไขคำตอบนี้ ในวันปฐมนิเทศ


กองทัพอากาศ ไม่ได้ต้องการแต่เพียงนักบินเราต้องการบุคลากรที่เหมาะสมในด้านอื่นๆด้วย เราจึงคัดผู้ที่มีความสามารถด้านอื่นที่ทดแทนกันได้เพื่อมาเป็นนักวิชาการ นักวิจัย และเจ้าหน้าที่ในส่วนอื่น ๆ ให้กับกองทัพ


ความคลางแคลงใจทั้งหมดที่มี จึงหมดไป ถึงผมจะเป็นลูกหลงหรือลูกติดใครมาวันนี้ผมก็เข้ามายังที่นี่แล้ว เข้ามาด้วยความภาคภูมิใจ

ไม่มีความคิดเห็น: