2552-04-30

คดีข้าวกล่องในถุงดำ


ดุ่ยเป็นเด็กหนุ่มบ้านนอกจากเมืองไอ้เท่งพัทลุง ลักษณะเด่นคือตัวดำ ฟันขาว และยิ้มง่าย แม่ของดุ่ยเป็นเจ้าของร้านขายข้าวแกงชื่อดัง ซึ่งถ้าคุณเข้าไปถึงตัวตลาดแล้วละก็ ลองถามหาร้านข้าวแกงแม่ดัง รับรองว่ารู้จักกันทั้งอำเภอ... ก็ไม่รู้ว่าเพราะแกงอร่อย หรือเพราะแม่ดุ่ยขายหวย


ด้วยวิญญาณของนักขาย ที่สืบทอดมาโดยสายเลือด ดุ่ยเล็งเห็นว่าการแอบลักลอบขายข้าวกล่องกระเพราหมู มาม่าผัด และข้าวไข่เจียวให้กับเพื่อน ๆ ยามดึก น่าจะช่วยแบ่งเบาภาระทางบ้านดีกว่าให้แม่ขายนาส่งควาย เอ๊ย ขายข้าวแกงส่งลูกชายเรียน จริง ๆ ดุ่ยเรียนดีครับ ด้วยวุฒิ ม. 6 ที่สอบเทียบลอก ๆ เขามา ทำให้ดุ่ยเอนท์ติดวิศวชลประทาน ม.เกษตรอีกแห่งหนึ่ง ...แต่อนิจจาวาสนาไม่ถึง ข้าวแกงปีนั้นขายไม่ใคร่ดีนัก ไม่ติดหลักร้อยล้านเหมือนเช่นทุกปี ด้วยความเป็นลูกกตัญญู ดุ่ยเลยตัดสินใจเข้าเรียนเตรียมทหาร เพื่อให้มีค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด... ที่ลือกันว่าแม่ดุ่ยยัดเงินใต้โต๊ะสี่แสนจึงไม่จริง

กิจการพ่อค้าคนกลางของดุ่ย ซึ่งทำตัวเป็นพ่อค้าของเถื่อน รับข้าวกล่องมาค้ากำไรยามดึก เป็นไปได้อย่างราบรื่นอยู่หลายอาทิตย์ จนเพื่อน ๆ ต่างอิ่มหมีพีมัน อ้วนพุงพลุ้ย ผิดจากที่ควรเป็น เป็นเหตุให้หัวหน้า (นักเรียนบังคับบัญชา) เริ่มตั้งข้อสังเกต กระทั่งคืนหนึ่ง จักรยานของสามีแม่ค้าที่เป็นเจ้าของสัมปทานร้านอาหารในสโมสร ปั่นผ่านหน้านักเรียนบังคับบัญชาในระยะใกล้ กลิ่นขยะในถุงหอมโชยจนหมายิ้ม จักรยานค่อย ๆ ชะลอความเร็วและหยุดลง ณ จุดนัดหมาย เจ้าตัววางถุงทิ้งไว้ที่เดิมเหมือนเช่นทุกคืน แต่คราวนี้ไม่ได้รอดพ้นไปจากสายตาของหัวหน้าผู้ซึ่งรอคอยจังหวะจับผิด หาเรื่องซ่อมพวกเราอยู่แล้ว... ใครมันจะทิ้งขยะที่ตึกนอนของนักเรียนชั้นหนึ่งตอนดึก...พิรุธชัด ๆ ข้าวกล่องหอมอร่อยน่ากินในถุงขยะตกเป็นของกลางที่ดิ้นไม่หลุดทันที... เสียงเรียกรวมพลกระหึ่มโรงนอนนักเรียนชั้นปีที่หนึ่ง


จากนั้นสารพัดท่าลงโทษก็ตามมา กลิ้งเกลือกกันลิ้นห้อย หูตูบ ...แดกดันกันจนสาแก่ความผิดล่ะครับ (แดก คือ การลงโทษหรือการซ่อมของนักเรียนทหาร) ...สองชั่วโมงผ่านหัวหน้าคงเพิ่งนึกได้ถึงได้ถามว่า “ของใคร ?”
ทำไมไม่ถามตอนชาติหน้าก็ไม่รู้

อย่างไรก็ตาม ระบบเกียรติศักดิ์ของดุ่ยยังดีเยี่ยม ลูกผู้ชายทำผิดต้องยอมรับ ดุ่ยกระเด้งออกมาหน้าแถวทันที (ส่วนใครจะถีบออกมาหรือเปล่านั้น เราไม่ได้สงสัย)... แล้วดุ่ยของเราก็รับกรรมที่ก่อเพียงลำพัง ส่วนคนอื่น ๆ ได้รับความปราณีปล่อยให้นอนทั้งเสื้อผ้าโชกเหงื่อ ห้ามอาบน้ำเหมือนเคยเป็นสาวๆ คงชอบใจได้เป็นปอดบวมกันทั่วหน้า ไม่ต้องน้อยเนื้อต่ำใจเวลาใครเขาสงสัยว่าทำไมไม่หันหน้ามาคุย ให้รู้กันไปเลยชัด ๆ ว่านี่ข้างหน้านะยะหล่อน ไม่ใช่ข้างหลัง

คืนนั้น ดุ่ยโดนอะไรบ้างพวกเราไม่รู้ เพราะแค่ที่พวกเราโดนก็อ่วมอรทัย ชนิดที่ถึงเตียงหัวฟาดหมอนก็หลับทันที ไม่มีใครได้อุดหนุนข้าวกล่องของดุ่ย และไม่รู้ว่าดุ่ยทำอย่างไรกับข้างกล่องพวกนั้น... รู้แต่เพียงว่า รุ่งเช้าเราพบหมาตายท้องกลมอยู่ข้างตึก... สงสารลูกของมันเหลือเกิน

...แต่เอ๊ะ ! นั่นมันหมาตัวผู้นี่หว่า... ฮา

ไม่มีความคิดเห็น: