2552-05-02

สอบ



โรงเรียนนายเรืออากาศได้ชื่อว่ามาตรฐานการศึกษาสูงแห่งหนึ่ง (ประมาณยอดตาลเห็นจะได้... ก็ตอนที่โดนฟ้าผ่าเหลือแต่ตอนะครับ) ด้วยเหตุนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เราจะพบเห็นนักเรียนนายเรืออากาศ ใช้ชีวิตในรั้วโรงเรียนมากกว่าห้าปีอยู่หลายคน และก็อีกไม่น้อยที่ไม่อาจเรียนจนจบ ต้องออกไปเรียนมหาวิทยาลัยภายนอก


สำหรับการสอบตกและถูกรีไทร์ ไม่ได้หมายความว่าพวกเราจะหัวไม่ดี เรียนไม่เก่งหรอกนะครับ มีอยู่หลายคนที่ก่อนเข้ามาเอนท์ได้แพทย์ ได้วิศวะสถาบันดังๆของรัฐ แต่พอเข้ามาเจอการฝึกที่แสนหนักและตารางใช้ชีวิตที่เข้มงวดแล้ว ปรับตัวไม่ได้ เลยส่งผลให้สมองกลวงโบ๋เบ๋ เพลียทั้งวันทั้งคืน หนังสือหนังหาไม่ได้อ่านเหมือนก่อน เวลาเรียนก็นอน เวลานอนก็หลับ... เป็นใครก็เห็นจะเอาตัวรอดได้ยาก


การสอบซึ่งเป็นการวัดผลการเรียนรู้ของนักเรียนนายเรืออากาศ เกือบทุกวิชาจะให้น้ำหนักคะแนนเป็นการสอบกลางภาค 30 % สอบปลายภาค 60 % และคะแนนจิตพิสัย 10 % ซึ่งจะเห็นได้ว่า ไม่มีคะแนนเก็บจากส่วนอื่นมาเกี่ยวข้อง เพราะฉะนั้นการสอบจึงเป็นเรื่องที่แทบจะชี้เป็นชี้ตายของนักเรียนนายเรืออากาศ ทีเดียว


แล้วข้อสอบแทบทุกวิชา ไม่มีหรอกครับปรนัย
กขคง ABCD นานๆ จึงจะหลงเข้ามาสักครั้ง แถมมีบางคราวอุตส่าห์ออกข้อสอบปรนัย ก็ยังอุตส่าห์มีแปดตัวเลือกอีกต่างหาก ดังนั้น การสอบที่นี่จึงมักเป็นอัตนัย ล้วนๆ อัตนัยแบบที่ต้องลุ้นกันตัวโก่ง ขอให้ปิดตำราสอบ เพราะสอบเปิดตำราเมื่อไหร่ แทบจะส่งกระดาษเปล่ากัน... อะไรจะหาข้อสอบยากๆ มาจากไหนก็ไม่รู้
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เข้ามาเรียนชั้นปีที่หนึ่ง จะมีรุ่นพี่ตกมาเรียนกับเราสามสิบคน รวมกับพวกเราจาก
โรงเรียนเตรียมทหารร้อยแปดสิบคน และยี่สิบคนจากโควตาโรงเรียนจ่าอากาศ เลยกลายเป็นสองร้อยสามสิบคนไปโดยปริยาย... ซึ่งสองร้อยกว่าคนนั้น เอาตัวรอดจบชั้นห้าพร้อมกันได้แค่ร้อยหกสิบ ที่เหลือเจ็ดสิบคน บ้างก็ตกซ้ำชั้น



ไปเรียนต่อกับน้อง ที่ครบแปดปียังไม่จบก็รีไทร์กันไป ที่ซ้ำชั้นเดิมสองปีติด นี่ก็รีไทร์เหมือนกัน ยังไม่รวมพวกทุจริตการสอบ ที่ถ้าจับได้ รวมคะแนนทั้งปีแล้วผ่านเกณฑ์ก็ปรับเป็นตก ที่รวมคะแนนแล้วตก ก็รีไทร์ไป แล้วยังไหนพวกตกแล้วคะแนนความประพฤติโดนตัดเกินเกณฑ์อีก นี่ก็รีไทร์ ตามระเบียบไปโดยละม่อม



การที่นัดเรียนนายเรืออากาศจะฝักใฝ่และฝึกฝนวิชาเอาตัวรอด ในการสอบอย่างขะมักเขม้น จึงดูเหมือนไม่ใช่เรื่องแปลกนัก ถ้าคุณคิดว่าผมหมายถึงการทุ่มเทอ่านหนังสือแล้วละก็ คุณกำลังเข้าใจผิดอย่างมหันต์


นั่นก็เป็นส่วนหนึ่ง และนี่ก็เป็นอีกส่วนหนึ่ง... ส่วนที่หมิ่นเหม่กับศีลธรรมอันดีอยู่บ้าง... ก็คงเป็นส่วนที่ทำให้ผมกับเพื่อนๆท้ายแถว จบกันมาได้นั่นแหละครับ


“โผ” หรือ “ฝิ่น” อย่างที่สถาบันอื่นๆ เรียก เป็นเรื่องที่เป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ เป็นเรื่องของงานฝีมือที่วิจิตร ประณีต ต้องทุ่มเทอุตสาหะ อดทน..และใช้เวลา กว่าจะเป็นโผสำเร็จรูปพร้อมใช้งานหนึ่งชิ้น มันเป็นเหมือนมาสเตอร์พีชที่จะสร้างสรรค์จากสมองได้เพียงปีละสองครั้ง จึงเป็นเรื่องที่ภาคภูมิใจโขอยู่สำหรับคนทำ
อย่างไรก็ตาม โผที่ดีต้องมีคุณสมบัติสองข้อหลัก นั่นคือ ตรงประเด็นและจับไม่ได้ เพราะสองข้อนี้เป็นหัวใจของการทำโผเลยทีเดียว ต่อให้ทำโผดีแค่ไหน แต่เนื้อหาที่บรรจุไม่ได้เฉียดใกล้กับความต้องการรู้ของของข้อสอบแล้ว มันก็ไม่ต่างอะไรกับการแบกตู้เย็นไม่มีปลั๊กข้ามทะเลทรายละครับ ยังไงๆ ตกก็ยังตกเหมือนเดิม ที่รีไทร์ก็รีไทร์กันเห็นๆ เพราะฉะนั้น ที่สอบปลายภาค แจกข้อสอบปุ๊บ นั่งดูปั๊บ น้ำตาของบางคนก็ซึมออกมาทันที...คนมันรู้ตัว


ส่วนข้อที่สอง ไม่ต้องพูดกันมาก ทำโผแล้วถูกจับได้ ยิ่งกว่าตกนรกเสียอีก ตัวเองน่ะตกก็ตก ยังทำอาจารย์ร้องไห้ (ถ้าเป็นวิชาของอาจารย์ผู้หญิง ซึ่งท่านคงเสียใจ สอนแทบเป็นแทบตาย ศิษย์ยังเอาตัวไม่รอด ไอ้เรื่องจะเสียน้ำตากับศิษย์ซ้ำชั้นน่ะ เชื่อว่าท่านคงเฉยๆ แล้วล่ะ เพราะซ้ำกันมาตั้งแต่สมัยพ่อ พี่ชายคนโต และน้องคนเล็ก ซึ่งท่านก็มั่นใจว่าถึงรุ่นหลาน มันก็คงจะไม่ผ่ากอไปจากนี้ตกไม่ไกลต้นตามๆ กันไป) หนำซ้ำ
หัวหน้า นักเรียนบังคับบัญชา นายทหารปกครอง ยังซ้ำลงโทษแดกกันสามวันสามคืนไม่เลิก ยังกะมหรสพ นัยว่าเฟอะฟะ เซ่อซ่าโดนจับได้ให้อับอายถึงผู้มีหน้าที่ดูแล


เรื่องของโผจึงเป็นสุดยอดของเคล็ดวิชา และหลายๆ เทคนิคได้ก่อให้เกิดกระแสตื่นตัวต่อยอดเป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่ในปัจจุบัน...หนึ่งในนั้น คือ พี่เคนนาโน
พี่เคน คือ พี่ปีเตอร์ ซึ่งก็มาจากรีพีชเตอร์ อันหมายความว่าเป็นรุ่นพี่ที่ตกซ้ำชั้นมาเรียนกับเรา
พี่เคน ถือเป็นสุดยอดของโผแกะสลักระดับนาโน ด้วยว่าพี่เคน เป็นคนขี้อายและขี้เกรงใจอย่างมาก ตลอดเวลาที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับน้อง ๆ พี่เคน แทบไม่เคยทำความลำบากใจและรบกวนอะไรพวกเราเลย ไม่ว่าพวกเราจะทำอะไรพี่เคน ก็ทำด้วยทุกอย่าง เราเลยชื่นชมและเคารพพี่เคน เป็นพิเศษ


ถึงแม้ว่าพี่เคนแทบจะไม่เคยหลับในตอนเรียน ซึ่งเป็นเรื่องประหลาดมาก เพราะใคร ๆ เขาก็หลับกัน แต่ก็นั่นล่ะ ความจำของพี่เคนไม่ต่างไปจากปลาทองเท่าไหร่ คือจำได้สั้นมาก ไม่ทันที่อาจารย์จะเริ่มพูดประโยคใหม่ พี่เคนก็ลืมประโยคเดิมไปเรียบร้อยแล้ว


สมุดเลคเชอร์ของพี่เคนจึงมักจะมีแต่ส่วนต้นของประโยค แล้วก็หายไปเฉย ๆ ดูแล้วแหว่งเป็นหย่อม ๆ น่าเกลียดพิลึก ซึ่งพี่เคนแกคงรู้ตัว หลัง ๆ แกก็เลยไม่เลคเชอร์ อาศัยเอาสมุดของน้อง ๆ ไปถ่ายเอกสารแทน...แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอกครับ พอแกอ่านย่อหน้าที่สองจบ ก็ต้องย้อนมาอ่านหน้าแรกใหม่...คนมันจำไม่ได้จะให้ทำไงล่ะ

ที่สุดแกเลยเบนเข็มมาเป็นนักแกะสลัก ขอให้มีวัตถุปลายแหลมใกล้ตัวเถอะ จะเป็นวงเวียน เข็มหมุด ตะปูตัวเล็กๆ แกเป็นต้องเอามาฝึกฝีมือแกะสลักอักษรจิ๋วของแก ปากกาทุกด้ามของพี่เคนจึงเต็มไปด้วยอักษรที่มองไม่เห็น ถูกแกะสลักเอาไว้ ต่อให้พวกเราพยายามเพ่งมอง สิ่งที่เห็นก็ไม่อาจบอกได้ว่ามันคืออะไร... มันช่างเล็กและอ่านได้ยากเหมือนจุลชีพในกองขี้มด




เพราะฉะนั้นเมื่อมีการสอบ พี่เคนจะเช็คระดับแสงเงาอย่างละเอียด มีเพียงมุมมองที่ถูกต้องเพียงมุมมองเดียวที่จะสามารถอ่านโผได้อย่างไม่ผิดพลาด และที่สำคัญ...ไม่มีพิรุธให้จับได้
แม้ว่าพวกเราจะพยายามให้แกลอก แกก็ไม่เอา ประกอบกับความมักน้อย ขอแค่ผ่าน แกเลยสู้ชีวิตเพียงลำพังมาโดยตลอด สุดท้ายฝันของพี่เคนก็เป็นจริง บรีสมอบรถให้แกไปแล้ว แกก็จบพร้อมพวกเราด้วยคะแนนที่คาบเส้นทุกเทอม


พี่ต้อ...ผมไม่รู้

พี่ต้อก็เป็นพี่ปีเตอร์อีกคนหนึ่ง ที่ความสามารถในการเรียนอินเวอร์สกับความสามารถทางดนตรี ไม่ว่างานไหน ๆ พูดถึงวงดนตรีสากลของโรงเรียนนายเรืออากาศแล้ว จะขาดกีต้าร์ลีดอย่างพี่ต้อไม่ได้ การสอบซ่อมก็เช่นกัน ...พี่ต้อจะนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่แทบทุกครั้ง สอบแก้ตัวคราวไหนไม่มีพี่ต้อ ก็เหมือนส้มตำลืมใส่ปูปลาร้าล่ะครับ...จะอร่อยก็อร่อยแบบฝืน ๆ


พี่ต้อเป็นคนหน้าใหญ่ ใจใหญ่ พูดจานักเลงๆ และเสียงก็ดังเวลาทำโผ ก็มักจะใหญ่เหมือนใจและหน้า ประมาณว่าให้สมกับความเป็นนักเลง ไหนๆ จะทำผิดแล้ว ก็ให้มันเอิกเกริก เด่น สง่า มโหฬารบานเบอะกันไปเลย จะให้กระเหม็ดกระแหม่ กระมิดกระเมี้ยน กระจ้อยร่อยกระจิ๊ดริ๊ดนั้น พี่ต้อไม่ทำ


และก็ถึงวันสอบปลายภาคชี้ชะตา...นับว่าวันนั้นพี่ต้อโชคร้ายมาก ที่ดันสอบวิชายากแล้วอาจารย์นิด้าเป็นคนคุมสอบ (อาจารย์มักใส่เสื้อแจ๊คเก็ต ที่มีสถาบันนิด้า เรียกว่าอาทิตย์ละสี่วัน จนกลายเป็นฉายาประจำตัว เราเลยเรียกอาจารย์นิด้า มากกว่าจะเป็นชื่อท่าน) ท่านเป็นสุดยอดของบูรพาจารย์ที่มีความเคี่ยวในการคุมสอบเป็นอันดับหนึ่ง ก้มหน้าทำข้อสอบเมื่อไหร่ มักโผล่มาข้างหลังแบบเงียบ ๆ เล่นเอาหัวใจเกือบวายทุกที
แต่นั่นดูเหมือนจะไม่ทำให้พี่ต้อยี่หระแต่อย่างใดขณะที่คนอื่นอกสั่นขวัญแขวน กลัวๆ กล้าๆ ที่จะชักโผขึ้นมา พี่ต้อกลับเอาวางบนข้อสอบนั่งลอกหน้าตาเฉย



แต่สวรรค์คงไม่เข้าข้างคนไม่สวดมนต์ เพราะเจ้าตัวจำหน่ายเช็คยอดรวมพลสวดมนต์ ตอนสามทุ่มอยู่ซ้อมดนตรีที่อาคารรณนภากาศ ทุกคืน
(จำหน่าย = ได้รับอนุญาตพิเศษที่จะไม่ต้องเข้าร่วมการทำกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง)


อาจารย์นิด้าเดินปราดเข้ามาที่โต๊ะพี่ต้อ ปากกาของพวกเราชิงกันตกจากโต๊ะเหมือนข้าวตอกแตก บ้างก็เป็นวัณโรคกระไอกระแอมกันเป็นพัลวัน จังหวะที่พี่ต้อเงยหน้าอาจารย์ก็อยู่ใกล้แค่สามวาสองศอกเสียแล้ว


ก่อนที่พวกเราจะทันได้คิด กระดาษทั้งแผ่นถูกยัดเข้าปากและเคี้ยวหยับๆ เหมือนข้าวเหนียวหมูปิ้ง


“นาย..คายออกมาเดี๋ยวนี้นะ คายออกมา”
ดูเหมือนพี่ต้อจะเอาหูไปนาเสียแล้วละครับ เจ้าตัวยังคงใช้ฟันบดขยี้เคี้ยวหยางๆ อย่างต่อเนื่อง
ก่อนที่เราจะได้ทันคิดอีกรอบหนึ่ง
“หยุดนะ! คายออกมา”
ไม่พูดเปล่า อาจารย์รี่เข้าหยุดยั้งกับการกระทำนั้น


พวกเราพากันใจหายใจคว่ำกับเหตุการณ์ ชุลมุนวุ่นวายของทั้งสองฝ่าย ด้วยไม่รู้ว่าจะลงเอยอย่างไร ถ้าเป็นคนอื่นเราก็พอจะทำนายผลได้ว่าจะจบแบบไหน... แต่นี่เป็นพี่ต้อ


และแล้วธรรมะก็พ่ายแพ้ให้กับอธรรม พี่ต้อเป็นฝ่ายกลืนลงไปได้สำเร็จ ไม่เหลือแม้แต่เศษกระดาษเล็ก ๆ ให้แงะออกมาจากปากได้ มือของอาจารย์เต็มไปด้วยน้ำลายของพี่ต้อ ซึ่งท่านคงไม่ห่วงเพราะรู้ว่าพวกเราฉีดยามาตั้งแต่ต้นเดือนเมษา


อย่างไรก็ตาม อาจารย์นิด้าท่านก็พาพี่ต้อไปพบผู้อำนวยการกองการศึกษาจอมเฮี๊ยบจนได้ เป็นที่รู้กันว่า ผู้อำนวยการกองการศึกษาเป็นคนเจ้าระเบียบ และดุ


อย่างน่ากลัว สอน ๆ อยู่ ใครนั่งหลับคาบที่แกสอน เป็นได้เจอแปรงลบกระดานบินกระตุ้นกะโหลกกันมาแล้วถ้วนหน้า


ใคร ๆ ต่างก็ว่าพี่ต้อไม่รอดแน่งานนี้...


ณ ห้องผู้อำนวยการกองการศึกษา บรรยากาศกำลังมาคุและอุลตร้าแมนลาป่วย
พี่ต้อยืนยันแต่ว่า ผมไม่รู้ ไม่รู้เรื่องจริงๆ ผมคิกขุอาโนเนะนะ...ยืนยิงกระต่ายขาเดียวจนเหม็นคลุ้งไปทั้งห้อง (ชวนให้กลับไปเรียนวิชาศีลธรรมสมัยมัธยมอีกรอบ) ในขณะที่อาจารย์นิด้ายืนหน้ายักษ์ด้วยความหมั่นไส้อยู่ข้างๆ และก็คงอยากจะบิดหู ให้ หลุด หยิกให้เนื้อติดมือมาสักก้อน


แต่เรื่องที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดได้ บางครั้งก็เกิดขึ้นจนตั้งตัวไม่ทัน
ผู้อำนวยการกองการศึกษาจอมดุพูดเพียงสั้นๆ
“ไหนหลักฐาน”
ทั้งอาจารย์และศิษย์ยืนนิ่ง
“อ้าว! ไม่มีเหรอ งั้นกลับไปได้แล้ว
แล้วท่านก็ก้มหน้าทำงานต่อ...
งงกันไปทั้งครูทั้งศิษย์...เดินตาลอยออกมาทั้งคู่


รุ่งเช้าเราก็พากันไปลุ้นพี่ต้อที่หน้าห้องน้ำ...แหม ก็มันอยากรู้นี่นา ว่าออกมาแล้วมันจะเป็นยังไง

ไม่มีความคิดเห็น: