2552-05-02

เข้าป่า



ร้อน! ร้อนจนน่าตาย ขณะที่พวกเราต่างพยายามเอาหัวมุดร่มหญ้าไมยราพที่สูงแค่คืบ... ขุดดินข้าง ๆ ต้นพอเป็นหลุมแล้วเอาหัวเข้าซุกนั่นเป็นร่มเงาเดียวบนเขาหัวโล้นลูกนี้ ภารกิจเข้าโจมตีโดยการสนับสนุนทางอากาศอย่างใกล้ชิด หรือที่รู้จักกันในภาษาอังกฤษว่า Close Air Support (CAS) ที่ทำให้พวกเราต้องมารอเวลาเหนือเป้าหมายของเครื่องโจมตีตั้งแต่ตอนสาย นี่ก็ปาเข้าไปกว่าสี่ ชม. แล้วสำหรับการรอคอย


จ๋อผีพลิกดูนาฬิกาที่ข้อมือ บ่ายโมงสี่สิบ” “เหลืออีกยี่สิบนาทีมันพึมพำ ก่อนที่จะระเบิดอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เหี้ยเอ๊ย ! โลกโคจรเข้าใกล้นรกหรือไงวะเนี่ย ร้อนชิบหายอัดด้าผงกหัวขึ้นดู ทำปากพะเงิบพะงาบเหมือนพยายามจะสนับสนุน แต่ก็ไม่มีแม้เสียงใดเล็ดลอดออกมา...น้ำลายมันหมดเกลี้ยงแล้ว


แซททททท.......เสียงปืนกลอากาศจากเครื่อง Peace Maker หลุดจากลำกล้องทะลวงอากาศ เข้าสู่เป้าหมายบนเนินเขา สามหมู่ปืนเล็ก แน่นอนรวมพวกเราสิบสองชีวิตด้วย กึ่งวิ่งกึ่งคะมำกรูขึ้นไปตีเป้าหมายเนิน 4711 (ชื่อเหมือนยี่ห้อโคโลญจ์เลยแฮะ) ปัง ปัง ๆๆๆ ทั้งเสียงลูกแบ็งค์ทั้งเสียงปากคนดังผสมปนเปด้วยแรงฮึดหลังเครื่องเครื่อง Peace Maker ดำลงมาโจมตีระลอกสุดท้าย... และเราก็ยึดที่หมายได้สำเร็จ (ลูกแบ็งค์เป็นกระสุนที่ให้เสียงดังแต่ไม่มีหัวกระสุนในการทำลายเป้าหมาย)


ที่ยอดเนินเขาเราจัดแจงเรื่องการวางกำลังป้องกัน ส่วนหนึ่งเริ่มประกอบอาหาร ... ไข่เจียวกำลังหอมขณะข้าวใกล้สุกและเต็นท์กลางเรียบร้อย ซ่า ๆ ๆ เสียงวิทยุซ่าเข้ามาในเครื่องวิทยุสนาม PRC-77 พลวิทยุเงี่ยหูฟัง “#!%#**$#*@” ข้อความเข้ารหัสที่ถอดออกมาว่าอย่างไรไม่รู้ แต่ ไอ้แก้วหัวหน้าหมู่ก็สั่งการทันที


เฮ้ย! รื้อเต็นท์ เก็บของ ไปต่อ

ข้าวยังไม่สุกเลยอัดด้าว่า

ช่างแม่ง! ไปกินเอาข้างหน้าไอ้แก้วเลือดทหารพูดหน้าตาย ทุกคนเงียบ ก้มหน้าก้มตาเก็บเต็นท์ รื้อก้อนเส้า ทำลายร่องรอยตามแบบฝึก... เริมต้นออกเดินอีกครั้ง


...ข้ามเขามากี่ลูกแล้วไม่รู้ จากเขาแดงหัวโล้น แม้หญ้าสักต้นยังหายาก เราเริ่มเข้าสู่เขตป่า...ป่ารกภูเขา อัดด้ากับ จ๋อผีรั้งท้าย


ไอ้จ๋อ กูหิวอัดด้าบ่นเบาๆ

จ๋อผีซึ่งตอนนี้เดินลากปืนเอชเคมากับพื้นเงยหน้าดูเพื่อน

ไอ้สัตว์ กูก็หิวดูเหมือนจะเป็นคำปลอบใจที่เข้าท่าที่สุดเวลานั้น


แสงสุดท้ายของวันลับขอบฟ้า

ทหารป่าหิวข้าวน้ำตาไหล

ที่หมาย ได้แต่ท้อ ...เพราะอีกไกล

กายไม่ไหวใจล้า...แต่ขายังเดิน


การเดินป่าภูเขาด้วยแผนที่เข็มทิศในเวลากลางคืน ยามร่างกายหิวและอ่อนล้าเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก ความหิวนำมาซึ่งความหงุดหงิด ความอ่อนล้าและอ่อนเพลียจากการเดินและทำภารกิจมาทั้งวันชวนให้อยากทิ้งตัวนอน... แต่น่าแปลกที่กฎเกณฑ์ทางฟิสิกส์ แรงเฉื่อยของนิวตัน จะเป็นเรื่องจริงที่พิสูจน์ได้ในป่าเวลานั้น นอกจากไอ้แก้วทหารควายที่ควงสปาต้าร์ถางถางป่าไปพลางร้องเพลงเลือดสุพรรณไปพลางแล้ว อีกสิบเอ็ดชีวิตมีสภาพไม่ต่างไปจากไร้ชีวิตเท่าใดนัก และก่อนที่พลวิทยุจะเป็นลมขาดใจตายไปเสียก่อน ไอ้แก้วก็คว้าวิทยุสนามไปแบก พร้อมปืนเอ็มสิบหกติดเครื่องยิงลูกระเบิด M-203 อีกหนึ่งกระบอก แล้วเพลง เราสู้รอบที่สามก็โหยหวนขึ้นมาอีกครา...ชะรอยชาติที่แล้วมันคงเกิดในหมู่บ้านบางระจัน ซึ่งถ้าไม่ใช่นายจันหนวดเขี้ยว ก็คงเป็นพ่อบุญเลิศควายของพ่อจันนั่นแหละ


หลังจากเราข้ามเขาพระสุเมรุวกอ้อมเหลียงซาน และผ่านมาจบที่ตีนเขาสามร้อยยอดประจวบคีรีขันธ์ก็สามทุ่มเศษ ที่นั่นครูฝึกต้มถั่วเขียวกับน้ำตาลหอมฉุยไว้รอท่า หมู่ที่มาถึงก่อนสามถึงสี่หมู่นั่งกินกันอย่างเอร็ดอร่อย พวกเรารีบไปผสมโรงอย่างกลมกลืน


...ห้าทุ่มกว่าแล้ว หมู่สุดท้ายยังมาไม่ถึง ครูฝึกเริ่มกระวนกระวาย แต่พวกเรากลับไม่ได้สนใจอะไร เมื่อไม่ให้แยกย้ายกันกางเต็นท์นอนจนกว่าจะมากันครบ เราก็นั่งหลับคอหักกันในแถว... ดูไกลๆ ในความมืดชาวนนึกไปว่าเป็นแถวนั่งของทหารผีหัวขาด


............................................


วันนี้เป็นวันเข้าปัญหาอดสี่สิบแปดชั่วโมง ก็ตรงตามชื่อละครับ อดไม่มีข้าว ไม่มีน้ำสองวันเต็ม ครั้นจะฝึกกันในป่า ต่อให้ลึกเข้าไปในแดนพม่า รกและน่ากลัวกว่าป่าอะเมซอน ลองมีนักเรียนนายเรืออากาศไปฝึกแล้ว แม่ค้าทั้งแก่ทั้งสาวก็จะตามไปขายจนถึงที่... จะไม่ให้ตามได้ไงละครับ มีเท่าไหร่ พ่อเล่นเหมาหมด ก๋วยเตี๋ยวผัดห่อใบตอง ขายกันห้าบาทในตลาด ให้ห้าสิบบาทก็แย่งกันซื้อไม่พอกิน ...อะไรที่กินได้ ล้วนมีราคา ขนาดขนมลูกเต๋า ขนมโก๋ที่มีลูกแก้วฝังอยู่ข้างใน พวกเราเห็นยังตาลุกน้ำลายสอ


ปัญหาอดสี่สิบแปดชั่วโมงคราวนี้ เลยต้องจับไปลงเรือปล่อยเกาะ...เกาะร้าง..ร้างที่หมายความว่าไม่มีทั้งคน ไม่มีทั้งลิงอาศัยอยู่ ต้นไม้ก็ขึ้นแบบช่างเกรงใจกันจนน่าหมั่นไส้ มีเป็นหย่อมๆ และหย่อมแบบแหว่งๆ ร้ายไปกว่านั้น...ไม่มีต้นไม้ใบหญ้าหรือพืชที่กินได้เลย วิชายังชีพในป่าหากินใบผักใบหญ้า ตัดต้น ขุดรากหาน้ำกิน ไม่มีโอกาสได้นำมาใช้ ถ้าจะมีสักคนกินได้ ก็เห็นจะเป็นไอ้แก้วนั่นละครับ... รายนั้น ฟางพ่อก็กิน


ก่อนจะขึ้นเรือไปปล่อยเกาะ ก็ต้องมีการปลดทรัพย์ตรวจจับการลักลอบนำอาหารติดตัวกันเสียก่อน ครูฝึกสั่งถอดเสื้อ ถอดรองเท้า เทเป้ ทุกอย่างกองวางอยู่บนพื้น แล้วทำการค้นตัวทีละคน ในท่าตามระเบียบพักอย่างน่าเวทนา ไอ้ที่แอบซ่อนข้าวสาร ซ่อนน้ำพริกนรกในกระป๋องแป้งสปริงซอง ยัดแอบเนื้อทอดในพานท้ายปืน ซุกถุงเกลือในรังเพลิงนะ..ค้นเจอหมดละครับ


เย็นนั้น ITV ออกข่าว

ครูฝึกโรงเรียนศูนย์การทหารราบ ค่ายธนรัตน์ปราณบุรี พากันตบเท้าลาออกจากราชการ ไปเปิดร้านค้าปลีกเซ่เว่นอีเลฟเว่น ร่ำรวยกันหลายคน


บนเกาะร้าง หลายคนทำตัวเป็นกบจำศีล อยู่นิ่งๆ ตั้งใจเต็มที่ที่จะนอนมาราธอนแบบไม่ยอมตื่นมาใช้พลังงาน บ้างก็ทำตัวเป็นชาวประมงจำเป็นหรือนึกไปเองว่าตัวคือโรบินสันครูโซติดเกาะ ออกไปเสาะแสวงหาจับปลาในทะเลริมชายฝั่ง สารพัดเทคนิคที่ต่างคนต่างคิดและนำมาใช้


...ตลอดทั้งวันกับความพยายามทั้งหมด จับปลารวมกันได้สองตัวด้วยฝีมือของชายที่ชื่อ อุ๋ย หรือที่เพื่อนๆ เรียกเขาว่า ไอ้สมหมี” “ไอ้สมหมูคนที่เดินท้ายแถวแต่เป็นเจ้าของน้ำหนักเกือบร้อยกิโลที่รุ่นของเราภาคภูมิใจ


ปลาสองตัวนั้นจึงเป็นเสมือนอาหารฮ่องเต้ฟ้าประทาน ที่พวกเราแบ่งกันกินคนละคำอย่างเอร็ดอร่อย คืนนั้นหลับไปอย่างมีความสุข... และเหตุการณ์ครั้งนี้บอกกับพวกเราว่า หากต้องติดเกาะกันจริงๆ เห็นทีนายเรืออากาศรุ่นนี้ คงอดตายกันยกรุ่น ทุกคนหลับตามอุ๋ยไปด้วยรอยยิ้ม คิดถูกแล้วที่ไม่ได้สอบเป็นนักเรียนนายเรือ


กลับจากเข้าป่าครั้งนั้น ไอ้แก้วก็เปลี่ยนชื่อ และดูมันจะภูมิใจในชื่อใหม่ของมันมาก ถึงขนาดบ้าเห่อยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ทุกคราวที่ถูกเรียก


วันจบการศึกษาแม่มันแทบร้องไห้

เฮ้ย ! ไอ้ควาย มาถ่ายรูป



ไอ้แก้วของแม่วิ่งตัวปลิวไปตั้งท่าพร้อมขวิดกับเพื่อนๆ

ไม่มีความคิดเห็น: