2552-05-02

บันทึกชีวิต

ทุกๆ อาทิตย์จะมีวันหนึ่งเสมอที่ผมจะจอดรถไว้ที่บ้าน(ครั้นจะบอกว่าช่วยชาติลดมลภาวะ ประหยัดการเผาผลาญพลังงานของประเทศก็กลัวจะฟังดูดีไปหน่อย ซึ่งที่จริงผมแค่อยากดูชีวิตคนอื่นบ้างเท่านั้นเองล่ะครับ)


วันก่อนผมมีโอกาสได้ขึ้นรถเมล์ (คงไม่ต้องบอกว่าผมดีใจมากแค่ไหน นึกถึงภาพสาวๆ โห! คิดแล้วก็น้ำลายไหล เข้าไปเบียดจนสีข้างแดงเถือกทีเดียว เอ! มันใช้กับควายนี่หว่า ฮ่า)


บนรถเมล์คันนั้น มีนักเรียนทหารระดับนักเรียนเหล่า หรือก็คือระดับนักเรียนนายร้อยคนหนึ่ง ซึ่งจะเป็นเหล่าทัพไหนก็คงไม่สำคัญ เขาขึ้นโดยสารคันเดียวกับผม ภาพที่ผมเห็นคือเขานั่งทอดหุ่ยเหมอมองไปรอบหน้าต่าง ไม่ใยดีว่าจะมีใครๆ ขึ้นมาบนรถหรือไม่ ทำประหนึ่งพระเอกมิวสิคโดนสาวทิ้ง น่าเสียดาย...เขาเป็นได้แค่ตัวโกงในสายตาผม(ก็เจ้าตัวดี ดันไม่ลุกให้ผมนั่งนี่) เอาเถอะ มันแค่ทำให้ผมนึกถึงวันเก่าๆ ของชีวิต...ภาพแห่งความทรงจำ


ชีวิตนักเรียนทหารซึ่งรอคอยทุกเย็นวันศุกร์ หากไม่ได้ทำความผิดใดใดในรอบอาทิตย์นั้น เราก็จะเป็นอิสระ ได้รับการปล่อยผีกลับบ้าน ไปสวาปามไอศกรีมถ้วยยักษ์เอิร์ทเควกของสเวนเซ่นทีละสองถ้วย กินแป็บซี่วุ้นแช่เย็นจนเป็นเกล็ดน้ำแข็งสองสามลิตรให้สาแก่ความอดอยาก ทำเหมือนว่าชาตินี้จะไม่มีโอกาสได้กินอีก


เมื่อก่อนเตรียมทหารตั้งอยู่แถวสวนลุม การรอคอยรถเมล์สร้างความลำบากให้กับพวกเราไม่น้อย โดยเฉพาะถ้าศุกร์ไหนฝนตกละก็...รถเมล์กรุงเทพฯ ก็อย่างที่รู้ๆ กันอยู่ จอดป้ายเป็นวินาที บ่อยครั้งที่เดินฝ่าสายฝนออกไปด้วยมาดนิ่งๆ...แล้วก็ต้องเดินกลับมาที่เดิมเพราะขึ้นรถไม่ทัน แต่ก็ไม่วายเดินนิ่งๆ ด้วยมาดเดิม...เป็นภาพที่ตัดกับคนอื่น ที่ต่างก็รีบวิ่งไปขึ้นรถโดยสิ้นเชิง




พวกเราถูกสอนว่า ก่อนขึ้นรถโดยสาร จะต้องเตรียมเงินให้พอดีกับค่ารถ กำไว้ในมือซ้ายที่ถือกระเป๋า ขึ้นรถไปแล้วนั่งได้แค่เบาะหลัง แต่ถึงเบาะหลังว่าง หากที่นั่งในรถว่างไม่ถึงหนึ่งในสาม ก็ไม่ควรนั่ง... การยืนๆ นั่งๆ เพื่อลุกให้คนอื่น จะทำให้เสียบุคลิก


ครั้งหนึ่งเพื่อนคนนึงลืมหยิบเงินมาเตรียมไว้ก่อน พอกระเป๋ารถเมล์มาเก็บเงินก็ละมือจากราว รีบล้วงกระเป๋ากางเกงจะหยิบให้ เป็นจังหวะเดียวกัน กับที่คนขับเหยียบเบรกกะทันหัน...ผลหรือครับ คนจากที่ยืนอยู่ส่วนท้าย กึ่งล้มกึ่งคลานไปกลางคัน ส่วนหมวก กลิ้งหลุนๆ นำหน้าไปหยุดที่ปลายเท้า ที่นั่งตอนแรกข้างคนขับ


นักศึกษาสาวข้างผมกัดฟันอมยิ้มจนหน้าแดง เจ้าเด็กผีเบาะหลังระเบิดก๊ากลั่นรถ พรวด! น้ำลายคุณนักศึกษากระเด็นเต็มแขนเสื้อที่รีดกลีบคมกริบของผม...เธอกลั้นไม่อยู่ แถมคราวนี้หยุดไม่ได้ น้ำหูน้ำตาไหลพราก หน้าตาเต้าหู้ยี้ยิ่งน่ากราบไปใหญ่(ความหมั่นไส้ทำให้บดบังความน่ารักของเธอที่ผมแอบมองจนตาแทบเหล่เสียจนเกลี้ยง)


แต่...คนมันจะเท่อะไรก็ฉุดไม่อยู่ เพื่อนผมลุกขึ้นด้วยสีหน้าปกติ เดินไปหยิบหมวกแล้วกลับมายืนข้างผมด้วยมาดนิ่งๆ เช่นเดิม(ผมอยากเดินหนี แต่จนปัญญาเพราะมันอยู่ท้ายคันแล้ว)


ทุกวันนี้มันมีรถขับ แต่ถ้ามันขึ้นรถโดยสาร มันจะเตรียมเงินไว้ในมือซ้ายเสมอ...บางครั้ง ประสบการณ์ ก็สอนคนได้เป็นอย่างดี


ไม่รู้ภาพเหล่านี้ลบเลือนไปแล้ว หรือผมแค่บังเอิญไม่ได้เห็นมัน


บนรถประจำทางคราวนั้น ผมคิดอะไรเรื่อยเปื่อย มีเรื่องบางเรื่องที่เคยเกิดขึ้น... ปัจจุบันก็ยังเกิดอยู่แต่เปลี่ยนรูปแบบไปบ้าง และมีบางเรื่องเคยเกิดขึ้น...ปัจจุบันเหมือนไม่มีอยู่ และดูเหมือนจะไม่เกิดอีกแล้ว ด้วยเหตุนี้ ก่อนที่บางเรื่องนั้นจะสูญหาย และบางเรื่องจะเลือนไปเกินกว่าจะทรงจำอยู่ได้ ผมจึงตัดสินใจบันทึกมันเก็บเอาไว้


ไม่มีความคิดเห็น: